เลือกแชล็คยังไงให้เหมาะกับงาน DIY ของคุณ – สูตรใส vs สูตรขุ่น




แชล็คแต่ละสูตรแตกต่างกันยังไง? 

แชล็ค (Shellac) ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้งานไม้ DIY ดูสวยงามและมีมูลค่าเพิ่มขึ้น แต่รู้ไหมว่า "แชล็คใส" และ "แชล็คขุ่น" มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และเหมาะกับงานคนละประเภท? การเลือกให้เหมาะ จะช่วยให้งานออกมาสวยแบบมือโปร


1. แชล็คสูตรใส (Clear Shellac) 

ลักษณะ: สีใสหรือออกเหลืองอ่อน ช่วยขับลายไม้ให้โดดเด่นโดยไม่เปลี่ยนสีพื้นไม้มากเกินไป 

เหมาะกับงานแบบไหน? 

- งานไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้สน ไม้เบิร์ช 

- เฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่ต้องการโชว์ลายไม้เดิม 

- งาน DIY ที่ต้องการความเรียบหรู ดูสว่าง 

- เครื่องดนตรีไม้ เช่น กีตาร์ ไวโอลิน 


ข้อดี: 

- เพิ่มความเงาโดยไม่เปลี่ยนสีเนื้อไม้มาก

- ทำให้ลายไม้ชัดเจนและสวยงาม

- เหมาะสำหรับงานที่ต้องการฟินิชแบบใสเป็นธรรมชาติ 


2. แชล็คสูตรขุ่น (Cloudy/Amber Shellac) 

ลักษณะ: สีเหลืองเข้มถึงน้ำตาลทอง มีความขุ่นเล็กน้อย 

เหมาะกับงานแบบไหน? 

- งานไม้เก่า ซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์วินเทจ 

- งานตกแต่งที่ต้องการโทนอบอุ่น คลาสสิก 

- งาน DIY ที่ต้องการลุควินเทจหรืองานไม้สไตล์โบราณ 

- การแต่งผิวไม้เนื้อเข้ม เช่น ไม้มะฮอกกานี ไม้สัก 


ข้อดี: 

- ช่วยกลบรอยตำหนิ รอยขีดข่วนเล็กน้อย

- ให้โทนสีอบอุ่น ลึก มีมิติ

- ช่วยเพิ่มความเก่าแก่คลาสสิกให้งานไม้ 


วิธีเลือกแชล็คให้ตรงกับงาน DIY ของคุณ 


จุดพิจารณา: โทนสีหลังเคลือบ

แชล็คใส: สีอ่อน ธรรมชาติ

แชล็คขุ่น: สีเข้ม อบอุ่น


จุดพิจารณา: งานไม้ใหม่

แชล็คใส: เหมาะมาก

แชล็คขุ่น: ได้ แต่สีจะเข้มขึ้น


จุดพิจารณา: งานไม้เก่า

แชล็คใส: ได้ แต่ไม่กลบรอย

แชล็คขุ่น: เหมาะมาก ช่วยกลบรอยได้ดี


จุดพิจารณา: ลุคที่ต้องการ

แชล็คใส: โมเดิร์น, มินิมอล

แชล็คขุ่น: วินเทจ, คลาสสิก

สรุป 

การเลือกแชล็คให้เหมาะสม เป็นกุญแจสำคัญให้งาน DIY ของคุณออกมาสวยตามที่ตั้งใจ หากคุณต้องการโชว์ลายไม้เดิมแบบใสสะอาด — เลือก แชล็คสูตรใส แต่ถ้าอยากได้ฟีลอบอุ่น วินเทจ มีมิติ — แชล็คสูตรขุ่น คือตัวเลือกที่ใช่ที่สุด!

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น